วันเสาร์ที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2556

Place to Learn English in Phatthalung ที่เรียนภาษาอังกฤษในพัทลุง

หาที่เรียนภาษาอังกฤษในพัทลุง

1. คอร์สสนทนาภาษาอังกฤษ 50 ชั่วโมง
เป็นการเรียนภาษาอังกฤษเืพื่อเน้นการสื่อสาร เน้นการฟังคำ ประโยค และบทสนทนา
ตั้งแต่ีระดับพื้นฐาน Basic และระดับกลาง Intermediate
สอนโดยอาจารย์ไทยที่มีความสามารถในการฟังและำพูดภาษาอังกฤษในระดับสูง

2. คอร์สไวยากรณ์ คำศัพท์เพื่อใช้สอบ GAT และ PAT  (1) 40 ชั่วโมง
เน้นการจดจำำคำศัพท์และไวยากรณ์ เพื่อเพิ่ืมคะิแนน GAT และ PAT
สอนโดยอาจารย์ไทยที่มีความชำนาํญ

3. คอร์สไวยากรณ์ คำศัพท์เพื่อใช้สอบ GAT และ PAT  (2) 30 ชั่วโมง
เน้นการจดจำำคำศัพท์และไวยากรณ์ เพื่อเพิ่ืมคะิแนน GAT และ PAT
สอนโดยอาจารย์ไทยที่มีความชำนาํญ

4. คอร์สติว TOEIC  40 ชั่วโมง
เน้นทักษะฟังและอ่านเพื่อเพิ่มคะแนน TOEIC
สอนโดยอาจารย์ไทยที่มีความชำนาํญ

5. คอร์ส IELTS และ  PSU-TEP 40 ชั่วโมง
เน้นทักษะทั้ง 4 เพื่อเป้าหมายการไปเรียนต่อทั้งในและต่างประเทศ
สอนโดยอาจารย์ไทยที่มีความชำนาํญ


รับแปลเอกสารภาษาอังกฤษ
-คู่มือพนักงาน
-โบรชัวร์ด้านการโรงแรมและการท่องเที่ยว
-บทความวิจัย
-หนังสือเรียน
- เอกสารอื่น ๆ

รับแปลเอกสารภาษาเยอรมััน




สนใจติดต่อ ครูแพรี่ 085-6722501 หรือ facebook



Translating a passive voice การแปลประโยคกรรม

การแปลประโยคกรรม
การแปลประโยคกรรม (Passive voice)  



ประโยคกรรมในภาษาอังกฤษ หมายถึง  ประโยคที่ประธานของประโยคเป็นผู้รับผลที่เกิดจากการกระทำของผู้อื่น 

              เดวิด  คริสตัล (David Crystal, 1980:  259) ได้ให้นิยาม  Passive voice ไว้ดังนี้   

a term used in the grammatical analysis of voice, referring to a sentence, clause or verb form where the grammatical subject is typically the recipient or ‘goal’ of the action denoted by  the verb  . . .    

รูปประโยคกรรมในภาษาอังกฤษมี  2  แบบ คือ

1.  ประโยคกรรมชนิดไม่มีผู้กระทำปรากฏอยู่ในประโยค (Non-agentive  or  agentless  passives) 

The shop was broken into.    

2.  ประโยคกรรมชนิดมีตัวการ (ผู้กระทำ) ปรากฏอยู่ในประโยค (Agentive passives)  

The message was posted by Yai.

                ในภาษาไทย พระยาอุปกิตศิลปสาร (2499: 29)  ได้กล่าวถึงประโยคกรรมไว้ว่า ประโยคกรรมเป็นประโยคที่มีกรรมวาจก (ผู้ถูกกระทำ)  อยู่ต้นประโยค  ดังเช่น  

                เขาโดนพ่อตี

                เขาถูกครูทำโืทษ

                ตึกนี้้สร้างตั้งแต่สมัย ร. 4

                ขนมนี้กินอร่อยดี

                ในบทความเรื่อง “ประโยคกรรมในภาษาไทยเข้าสู่ยุคเปลี่ยนแปลง” ธัญญรัตน์    ปาณะกุล (2537:  17) กล่าวว่า ประโยคกรรมในภาษาไทยโดยทั่วไปมี 5 รูป ดังต่อไปนี้

                1.  ประโยคกรรม  “ถูก”   เช่น         เขาถูกแม่ตี

                2.  ประโยคกรรม “ได้รับ”  เช่น   เขาได้รับเชิญไปงานเลี้ยง

                3.  ประโยคกรรมเป็นกลาง   เช่น   สะพานนี้สร้างเมื่อปี  พ.ศ. 2523

                4.  ประโยคกรรมเน้นความ  เช่น  ตามี ผู้ใหญ่บ้านของเราเสือกินเสียแล้ว

                5.  ประโยคกรรมตัวการปรากฏ   เช่น   เพลงนี้ร้องโดยสันติ



วิธีแปล

                ในการแปลประโยคกรรมจากภาษาอังกฤษเป็นไทยนั้น ผู้แปลจะต้องพิจารณาปริบท (context)  ในภาษาอังกฤษอย่างรอบคอบ  เพื่อดูความหมายที่แฝงอยู่  ถ้าปริบทเป็นประสบการณ์ในเชิงลบ หรือความหมายในทางไม่ดี เวลาแปลก็ให้ใช้ประโยคกรรมแบบที่ 1  คือ ประโยคกรรมถูก ถ้าปริบทเป็นประสบการณ์อันน่าพึงพอใจ หรือบ่งบอกถึงสถานการณ์อันน่ายินดี ก็ให้ใช้ประโยคกรรมได้รับ หรือประโยคกรรมแบบที่ 2 หากปริบทบ่งบอกว่าประธานเป็นเพียงผู้รับผลการกระทำจากใครคนใดคนหนึ่งหรือสิ่งใดสิ่งหนึ่งก็ให้ใช้ประโยคกรรมแบบที่ 3  ซึ่งมีนัยความหมายเป็นกลาง ประโยคกรรมมีนัยความหมายเป็นกลางจะทำหน้าที่บอกกล่าว  เล่าเรื่องหรือรายงานเหตุการณ์  สถานการณ์

               จากประสบการณ์ในการสอนแปลของผู้เขียน  และจากการตรวจงานแปลของนักศึกษาตัวอย่างประโยคภาษาอังกฤษที่ว่า

                Grandpa Mee, the head of our village, was eaten up by a tiger.

นักศึกษามักจะแปลโดยมีคำว่า “ถูก” อยู่ในประโยค เช่น

                ตามี  ผู้ใหญ่บ้านของเรา ถูกเสือกินเสียแล้ว

มากกว่าที่จะแปลเป็นประโยคกรรมเน้นความในแบบที่  4 ว่า

                ตามี ผู้ใหญ่บ้านของเรา  เสือกินเสียแล้ว

ส่วนประโยคตัวอย่างนี้

                This song was sung by Santi.

นักศึกษามักแปลว่า

                เพลงนี้ร้องโดยสันติ

                การแปลแบบนี้เป็นการแปลตามโครงสร้างภาษาอังกฤษโดยไม่มีทั้งคำว่า ‘ถูก’ หรือ ‘โดน’ หรือ  ‘ได้รับ’  และมีตัวการหรือผู้กระทำตามหลังคำว่า ‘โดย’  ซึ่งก็เป็นการแปลที่ได้ใจความ 

                จากข้อแนะนำวิธีการแปลประโยคกรรมที่ให้ไว้ข้างต้น  ลองดูตัวอย่างการแปลประโยคกรรมแบบต่าง ๆ ดังนี้

                ประโยคกรรมนัยความหมายไม่ดี

                1.  The police station at Mukdaharn was attacked by a group of terrorists on                    Sunday.

                      สถานีตำรวจที่มุกดาหารถูกกลุ่มผู้ก่อการร้ายโจมตีเมื่อวันอาทิตย์    

                2.   The students were punished for cutting class.

                      นักเรียนถูกทำโทษ เพราะโดดเรียน  

                3.   Birds and many harmless creatures were destroyed by the overuse of            insecticides.

นกและสัตว์ที่ไม่มีพิษภัยหลายชนิดถูกทำลายด้วยการใช้ยาฆ่าแมลงที่เกินขนาด                

                4.   That man was fined for throwing cigarettes on the floor.

                      ผู้ชายคนนั้นถูกปรับฐานโยนบุหรี่ลงบนพื้น

                5.   The thief was forced against the wall, hands above his head.

                      ขโมยถูกบังคับให้หันหน้าเข้ากำแพงและยกมือไว้เหนือศีรษะ       



                ประโยคกรรมนัยความหมายดี

                1.   He was appointed the chairman of the company.

                      เขาได้รับแต่งตั้งเป็นประธานบริษัท 

                2.   He was invited to a party.

                      เขาได้รับเชิญไปงานเลี้ยง

                3.   Mr. Krisada  Arunwongse was elected the new Bangkok Governor.

                      นายกฤษฎา  อรุณวงษ์  ได้รับเลือกเป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครคนใหม่

                4.   Thai hotels are praised all over the world for their excellent service.

                      โรงแรมไทยได้รับยกย่องไปทั่วโลกด้วยการให้บริการชั้นยอดเยี่ยม

                5.  Any Thai boxer who gets an Olympic medal will be rewarded

                 with  a huge sum of money.

                      นักชกชาวไทยคนไหนก็ตามที่ได้เหรียญโอลิมปิกจะได้รับรางวัลเป็นเงิน

                      ก้อนใหญ่

                ประโยคกรรมนัยความหมายเป็นกลาง

                1.   This building has been well designed to conserve energy.

                      ตึกนี้ออกแบบมาเป็นอย่างดีให้ประหยัดพลังงาน

                2.   Pancakes should be eaten warm from the pan.

                      แพนเค้กควรรับประทานร้อน ๆ  จากกระทะ    

                3.   Ramkhamhaeng University was founded in 1971.

                      มหาวิทยาลัยรามคำแหงก่อตั้งขึ้นเมื่อปี ค.ศ.  1971

                4.   Dictionaries were located on a shelf in the back of the room.

                      พจนานุกรม อยู่บนชั้นหลังห้อง



                5.   This fine bread is made from a special wheat flour.

                      ขนมปังแสนอร่อยนี้ทำจากแป้งสาลีชนิดพิเศษ   



การแปลประโยคกรรมลดรูป

                ประโยคบางประโยคเป็นประโยคกรรมที่ละ verb to be ไว้ในฐานที่เข้าใจ คงมีแต่กริยาช่องที่ 3 หรือ past participle ประโยคลักษณะนี้มักจะทำให้ผู้แปลที่ไม่มี   ความรู้ในเรื่องโครงสร้างภาษาอังกฤษดีพอแปลผิด เพราะไปเข้าใจว่าเป็นคำกริยาที่อยู่ในรูป past tense เมื่อพบประโยคเช่นนี้วิธีการแปล คือ ให้ลองวิเคราะห์แยกแยะว่า กริยาตัวใดเป็น passive voice ลดรูป  คือ ละ verb to be ไว้  ตัวอย่างเช่น

                1.  The name printed in red ink was very easy to find and read.

                มาจากประโยค 2 ประโยคว่า

                 The name was printed in red ink.  และ

                 The name was very easy to find and read.  

                เวลาที่รวมทั้งสองประโยคเข้าด้วยกัน  จะพบว่าประธานซ้ำกันและ สามารถตัดประธานออกไปได้  1  ตัว  โดยแทนที่ด้วย Relative pronoun นั่นก็คือ ประโยคจะอยู่ในลักษณะของประโยคซับซ้อน (Complex Sentence)

                The name that was printed in red ink was very easy to find and read.

                จากประโยคนี้เราสามารถตัด (Relative pronoun) that และตัด verb to be ซึ่งอยู่ในรูป was ออกไปได้อีก ประโยคก็จะกลับมาเป็นประโยคชนิด  simple  ที่มี participle phrase ขยายนาม เมื่อวิเคราะห์ได้เช่นนี้ผู้แปลก็จะทราบว่า printed ในประโยคข้างบนคือ passive voice ที่ลดรูปนั่นเอง  และสามารถแปลออกมาได้ตามนัยความหมายที่แฝงอยู่  โดยใช้วิธีการแปลประโยคกรรมที่กล่าวมาแล้ว  ประโยคนี้จึงแปลว่า

                ชื่อที่พิมพ์ด้วยหมึกแดงมองเห็นและอ่านได้ง่าย  

                2.  The president, accompanied by his advisors,  had arrived.

                 ประธานพร้อมด้วยบรรดาที่ปรึกษาได้มาถึง

                3.  Men trained in mathematics can be engineers. 

                 คนที่ได้รับการฝึกฝนทางด้านคณิตศาสตร์สามารถเป็นวิศวกรได้


แหล่งที่มา: http://tintin1010dotcom.wordpress.com/เนื้อหา/การแปลประโยคกรรม/

วันเสาร์ที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2556

Travelling to and Studying in Malaysia ข้อมูลการเดินทางท่องเที่ยวและศึกษาต่อ ณ ประเทศมาเลเซีย

ข้อมูลการเดินทางท่องเที่ยวและศึกษาต่อ ณ ประเทศมาเลเซีย




การทำวีซ่า




ภาพด้านหน้าสถานทูตมาเลเซีย ประจำประเทศไทย
สถานทูตมาเลเซียประจำประเทศไทย (MALAYSIA EMBASSY of THAILAND)
ตั้งอยู่ที่ถนนสาธร ในละแวกเดียวกับสถานทูตออสเตรเลีย สถานทูตฝรั่งเศสและสถานทูตเยอรมัน

เปิดทำการวันจันทร์ - ศุกร์   (ยกเว้นวันหยุดสถานทูต)
เวลายื่นวีซ่า : 9.00-11.00 น.
เวลารับวีซ่า : 14.00-16.00 น.
ระยะเวลาดำเนินการ : 4 วันทำการ

สถานที่ติดต่อคือ
สถานทูตมาเลเซียประจำประเทศไทย (MALAYSIA EMBASSY of THAILAND) 
33-35 ถนนสาทรใต้ ทุ่งมหาเมฆ กรุงเทพ 10120
โทร          02-629-6800, 02-679-2190-9
แฟกซ์ 02-679-2208

หมายเหตุ :
การยื่นขอวีซ่านั้น อาจต้องใช้เอกสารเพิ่มเติมหรือทำการสัมภาษณ์ผู้ยื่นขอในบางกรณี ตามที่เห็นสมควร
การแสดงเอกสารครบถ้วนอาจจะไม่ได้รับอนุมัติวีซ่าเสมอไป เนื่องจากการอนุมัติวีซ่าหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับความเห็นและคำวินิจฉัยของกงสุลเป็นหลัก


*** การดำเนินการพิจารณาวีซ่า ใช้เวลา 7 วันทำการหรือมากกว่าแล้วแต่กรณี


วีซ่าท่องเที่ยว 

เอกสารที่ต้องใช้
หนังสือเดินทางไทยที่ยังมีอายุต้องการจะเข้ามาเลเซีย เช่นท่องเที่ยว เยี่ยมญาติ ธุรกิจ ประชุมเป็นต้น สามารถอยู่มาเลเซีย 30 วัน โดยที่ไม่ต้องทำวีซ่า

- จดหมายรับรองการทำงาน และอนุญาตให้ลาหยุด โดยระบุตำแหน่ง เงินเดือน อายุการทำงาน และวันลาหยุดงาน
- จดหมายเชิญ
- สำเนา Statement ย้อนหลังอย่างน้อย 3 เดือน
- รูปสีพื้นหลังขาว ขนาด 2x2 นิ้ว จำนวน 2 รูป
- แบบฟอร์มวีซ่าที่กรอกข้อมูลถูกต้องครบถ้วน พร้อมเซ็นต์ชื่อ 1 ชุด ต้องซื้อใบละ 12 บาท
- Work Permit ตัวจริงพร้อมสำเนา
- หนังสือเดินทาง (Passport) ที่มีอายุมากกว่า 6 เดือน และมีที่ว่างอย่างน้อย 3 หน้า พร้อมสำเนา และเล่มเก่า(ถ้ามี)
- หลักฐานการจองที่พัก/โรงแรม
- ใบจองตั๋วเครื่องบิน ไป-กลับ
- โดยปกติวีซ่าจะมีอายุ 3 เดือนเป็น single entry แต่ถ้าต้องการวีซ่าเป็น multiple entry และมีอายุ 1 ปีจะต้องให้บริษัทที่อยู่ในมาเลเซียไปติดต่อกับกองตรวจคนเข้าเมืองของมาเลเซียเพื่อขอใบ authorize แล้วส่งแฟ็กซ์ใบ authorize มาที่สถานฑูตมาเลเซียในไทยแล้วทางสถานฑูตจะออกวีซ่าให้ตามนั้น
ค่าธรรมเนียมวีซ่าสถานทูต 600 บาท / คน
ค่าบริการยื่นวีซ่าท่องเที่ยว 1,200 บาท / คน
หมายเหตุ : ค่าธรรมเนียมวีซ่า อาจมีการเปลี่ยนแปลง ขึ้นอยู่กับสถานทูต

วีซ่าธุรกิจ 

เอกสารที่ต้องใช้
- จดหมายรับรองการทำงาน และอนุญาตให้ลาหยุด โดยระบุตำแหน่ง เงินเดือน อายุการทำงาน และวันลาหยุดงาน
- จดหมายเชิญจากบริษัท หรือ องค์กรจากมาเลเซีย
- สำเนา Statement ย้อนหลังอย่างน้อย 3 เดือน
- รูปสีพื้นหลังขาว ขนาด 2x2 นิ้ว จำนวน 2 รูป
- แบบฟอร์มวีซ่าที่กรอกข้อมูลถูกต้องครบถ้วน พร้อมเซ็นต์ชื่อ 1 ชุด ต้องซื้อใบละ 12 บาท
- Work Permit ตัวจริงพร้อมสำเนา
- หนังสือเดินทาง (Passport) ที่มีอายุมากกว่า 6 เดือน และมีที่ว่างอย่างน้อย 3 หน้า พร้อมสำเนา และเล่มเก่า(ถ้ามี)
- หลักฐานการจองที่พัก/โรงแรม
- ใบจองตั๋วเครื่องบิน ไป-กลับ
- โดยปกติวีซ่าจะมีอายุ 3 เดือนเป็น single entry แต่ถ้าต้องการวีซ่าเป็น multiple entry และมีอายุ 1 ปีจะต้องให้บริษัทที่อยู่ในมาเลเซียไปติดต่อกับกองตรวจคนเข้าเมืองของมาเลเซียเพื่อขอใบ authorize แล้วส่งแฟ็กซ์ใบ authorize มาที่สถานฑูตมาเลเซียในไทยแล้วทางสถานฑูตจะออกวีซ่าให้ตามนั้น
ค่าธรรมเนียมวีซ่าสถานทูต 600 บาท / คน
ค่าบริการยื่นวีซ่าธุรกิจ 1,200 บาท / คน
หมายเหตุ : ค่าธรรมเนียมวีซ่า อาจมีการเปลี่ยนแปลง ขึ้นอยู่กับสถานทูต






แหล่งข้อมูล http://www.bkkfly.com/visa_malaysia.html