วันพฤหัสบดีที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

Subject vs. Predicate

เรื่องที่ 1 Finite กับ Non-finite Verbs

ก่อนอื่นจะต้องรู้ก่อนว่าประโยคที่สมบูรณ์นั้น จะต้องมีอย่างน้อย 2 ส่วน คือ
ประธาน +  กริยาที่แสดงความหมายถูกต้อง ครบถ้วน
                 (ซึ่งกริยานั้นคือ กริยาแท้ หรือ finite verb)

Finite verb คือกริยาแท้ ซึ่ง

1. ผันตามประธาน 

2. ผันตามกาล (tense)

3. เปลี่ยนตามวาจก (voice) ซึ่ง วาจกก็คือ
Active Voice (กระทำเอง) หรือ 
Passive Voice (ถูกกระทำ)

4. ช่วยกริยาหลัก (Modal หรือ Modal verb)


รู้แล้วสินะ ว่า Finite verb หน้าตาเป็นอย่างไร

ทีนี้ non finite verbs ไม่ต้องผัน แต่ finite verbs ต้องผัน 

*** การผันในที่นี้หมายถึงผันตามบุคคล, จำนวน, รูปกาล(เวลา)ต่าง ๆ, วาจก(กระทำหรือถูกกระทำ 

- non finite verbs จะไม่ขึ้นกับใคร และก็มักพ่วงมากับ finite verbs ครับ
- non finite verbs มีข้อสังเกตว่ามันอยู่ด้วยตัวเองไม่ได้

ยกตัวอย่างนะ

You like to watch movies.
He likes to watch movies.
She likes to watch movies
They like to watch movies.

ข้างบนนี้ like เป็น finite verbs เพราะว่ามันเปลี่ยนตามประธาน 
ส่วน watch เป็น non-finite verb เพราะว่ามันไม่เปลี่ยนเลย ไม่ว่าประธานจะเป็นอะไรก็ตาม เพราะไม่พ่วงกันอะไร แต่จะอยู่ในรูปที่ควรอยู่ (ตามหลักไวยากรณ์)นั่นเอง

ดูต่อนะ 

was tired of putting toys away yesterday.
เมื่อวานฉันเอียนที่จะเก็บของเล่นให้เข้าที่

We were tired of putting toys away yesterday.
You were tired of putting toys away yesterday.
He was tired of putting toys away yesterday.

ข้างบนนี้ was และ were เป็น finite verbs เพราะว่ามันเปลี่ยนรูปตามประธาน (subject) และตามกาล (tense) แต่กริยา putting เป็น non-finite verb เพราะว่ามันเป็นกริยาที่อยู่ในรูปนั้นเสมอ เพราะคำว่า tired of จะตามด้วยกริยาเติม ing เท่านั้นนั่นเองครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น